คำสารภาพของนพพร

By Admin

เดวิด สไมท์ นวนิยายเรื่องข้างหลังภาพ เป็นนวนิยายดังที่สุดเล่มหนึ่งของไทย พิมพ์ซ้ำเกิน กว่า ๔๐ ครั้ง ทำเป็นภาพยนตร์สองครั้ง และได้รับการแปลเป็นภาษาอังกฤษ ภาษาญี่ปุ่น และภาษาจีนแล้ว ถึงแม้ว่า ข้างหลังภาพ ไม่ได้จัดเป็นหนึ่งใน “โครงการหนังสือดี ๑๐๐ เล่มที่คนไทยควรอ่าน” ของ วิทยากร เชียงกูล และคณะ แต่กลับมีนักอ่านนักวิจารณ์ หลายคนที่ถือกันว่าข้างหลังภาพ เป็นนวนิยายดีที่สุดของ “ศรีบูรพา” สำหรับผู้ศึกษาวรรณกรรมไทย ข้างหลังภาพ เป็นนวนิยายที่น่าสนใจไม่ใช่เฉพาะเนื้อหาสาระและฝีมือในการแต่งเรื่องของผู้ประพันธ์อย่างเดียวเท่านั้น แต่เนื่องมาจากมีนักวิชาการและนักวิจารณ์ชั้นนำตั้งแต่ อุดม ศรีสุวรรณ ม.ล. บุญเหลือ เทพยสุวรรณ ตรีศิลป์ บุญขจร จนถึง ชูศักดิ์ ภัทรกุลวณิชย์ เคยหยิบปากกามาเขียนบทวิเคราะห์ จึงทำให้ ผู้อ่านมีโอกาสมองผลงานของ “ศรีบูรพา” ชิ้นนี้ในแง่ที่น่าสนใจต่างๆ บทวิจารณ์ข้างหลังภาพ แรกๆ (ซึ่งมี อาจิณ จันทรัมพร เคยรวบรวมพิมพ์เป็นภาคผนวกในข้างหลังภาพ ฉบับที่สำนักพิมพ์ดอกหญ้านำมาจัดพิมพ์) แม้ว่าจะชมฝีมือของ ผู้ประพันธ์เป็นอย่างดี แต่ก็กล่าวทำนองว่ายังดู…

พิจารณาการชะงักงันของความรัก ในนวนิยายเรื่องข้างหลังภาพ และลูกผู้ชาย ของ “ศรีบูรพา”

By Admin

วิภาพ คัญทัพ หากจะกล่าวถึงความเป็นที่รู้จักของนวนิยายเรื่องข้างหลังภาพ (พ.ศ. ๒๔๘๐) และลูกผู้ชาย(พ.ศ. ๒๔๗๑) ของ “ศรีบูรพา”  ข้างหลังภาพดูเป็นเรื่องที่มีภาษีดีกว่าสักหน่อย ตรงที่เคยเป็นภาพยนตร์ร่วมสมัยอยู่หลายครั้ง  ดังนั้นตัวละครเอกฝ่ายหญิงของเรื่องคือ “ม.ร.ว. กีรติ” จึงเป็นที่รู้จัก กระทั่งมีเพลงประกอบภาพยนตร์ชื่อ “กีรติ” ในขณะที่ “มาโนช” ซึ่งเป็นตัวละครเอกฝ่ายชายของเรื่องลูกผู้ชาย เป็นที่รู้จักน้อยกว่ามาก  ยิ่งพูดถึงแก่นเรื่องก็ดูจะห่างไกลความสนใจทั่วไป  แต่เป็นที่รู้จักและประทับใจในหมู่นักอ่านที่นิยมสัมผัสความเป็นมนุษย์ ในที่นี้จึงจะเพ่งเล็งพิจารณาตัวละครเอกสองตัวจากนวนิยายสองเรื่องดังกล่าว ตัวหนึ่งเป็นตัวละครฝ่ายหญิง อีกตัวหนึ่งเป็นตัวละครฝ่ายชาย เป็นการพิจารณาในแง่ของความเป็นมนุษย์ที่เกี่ยวข้องกับอารมณ์รักในบทบาทของหญิงชายที่ถูกกำหนดด้วยสถานะทางเพศและสถานะทางสังคม  ซึ่งวิถีสังคมกำหนดกรอบในการดำเนินชีวิตไว้แตกต่างกัน และ “ศรีบูรพา” ได้สะท้อนถ่ายทอดในหลายมุมมองที่น่าสนใจ  ทั้งนี้เพื่อแสวงหาคุณธรรมในความรักโดยสรุปผลจากกรณีศึกษาบทบาทของตัวละครที่ “ศรีบูรพา” ได้บรรจงวาดไว้ ข้างหลังภาพ : สุภาพสตรีสูงศักดิ์ผู้งามพร้อม ในเรื่องข้างหลังภาพ ผู้อ่านมองภาพคุณหญิงกีรติผ่านสายตาของนพพรที่เฝ้าสังเกตคุณหญิงกีรติอย่างชื่นชม นับแต่ครั้งแรกที่เขาได้เห็นความงามของคุณหญิงกีรติเมื่อไปต้อนรับที่สถานีรถไฟ …แลดูเป็นสาว และเต็มไปด้วยความเปล่งปลั่ง แต่งกายงดงามมีสง่า  แม้เพียงชั่วการชำเลืองเห็นเป็นครั้งแรก ส่วนภายในจิตใจคุณหญิงกีรติเป็นอย่างไรนั้น นพพรรับรู้จากข้อความในจดหมายของเจ้าคุณอธิการบดีผู้สามีว่า …กีรติเป็นคนที่ค่อนข้างเงียบอยู่สักหน่อยสำหรับผู้ที่ยังไม่คุ้นเคยกัน แต่เป็นคนใจคอโอบอ้อมอารี ไม่ต้องสงสัย… ต่อมาเมื่อได้ใกล้ชิดกัน ในฐานะผู้นำเที่ยวของคุณหญิงในเวลาที่เจ้าคุณมีกิจกับมิตรสหายในประเทศญี่ปุ่น นพพรได้สังเกตเห็นกิริยาท่าทีของคุณหญิง พร้อมกับแนวคิดและรสนิยมอันมีลักษณะเฉพาะตัวที่น่าสนใจ …ในเวลาที่เธอได้รับความเบิกบานใจในการสนทนากับข้าพเจ้าสองต่อสอง เธอเคยเปล่งหัวเราะเต็มที่…

กุหลาบ สายประดิษฐ์ (รำพึงถึงการเปรียบเทียบบางอย่าง)

By Admin

นพพร สุวรรณพาณิช บังเอิญเมื่ออยู่ในวัยอายุไม่เกิน ๑๘ ปี ไม่เคยอ่านเรื่องยาวแลไปข้างหน้าเลย จะได้อ่านบ้างก็เป็นนวนิยายต่างประเทศ เพราะเรียนหนังสืออยู่ในต่างแดน  กระนั้นก็ตาม มีผู้บอกว่าแลไปข้างหน้า คล้าย Little Master อยู่บ้าง  เมื่อลองอ่านแล้วก็เห็นว่าไม่คล้ายกันนัก อีกทั้งโครงเรื่องก็ต่างกัน แต่ความไม่เท่าเทียมกันทางชนชั้นนั้นมีอยู่ และคล้ายกันอย่างยิ่ง เรื่อง Little Master หรือเจ้าชายน้อย เขียนโดย นัตสุเมะ โซเซกิ นักประพันธ์ชาวญี่ปุ่น มีชื่อภาษาอังกฤษว่า Botchan หรือ “บทซัง” แปลเป็นภาษาอังกฤษครั้งแรกใน ค.ศ. ๑๙๗๒ (พ.ศ. ๒๕๑๕) แต่เขียนขึ้นในปี ค.ศ. ๑๙๐๒ (พ.ศ. ๒๔๔๕)  Little Master เป็นเรื่องราวของคนใช้ที่มองดูพฤติกรรมเจ้านายว่ามีความแตกต่างอย่างไรบ้างกับตัวเขา นัทสุเมะ โซเซกิ คล้ายนักเขียนยุโรปมากกว่านักเขียนอังกฤษ ยุคพระนางเจ้าวิกตอเรียนั้น วรรณคดีอังกฤษไม่คล้ายคลึงกับญี่ปุ่น แต่วรรณคดีอเมริกัน เอ็ดการ์ด แอลเลน โป มีส่วนที่นิยมกันมากในญี่ปุ่นยุคพระเจ้าเมอิจิ จนในที่สุดมีคำขวัญว่า “ใช้เทคโนโลยีตะวันตก…

ความเหมือนที่ต่าง ระหว่าง “เญิ้ตลิญห์” (Nhat Linh) กับ “ศรีบูรพา”

By Admin

ดร. มนธิรา ราโท อาจารย์ประจำภาควิชาภาษาตะวันออก คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในบทความชิ้นนี้ผู้เขียนมุ่งศึกษาเปรียบเทียบแนวคิดและงานเขียนของ “ศรีบูรพา” (พ.ศ. ๒๔๔๘-๒๕๑๗) และ “เญิ้ตลิญห์” (พ.ศ. ๒๔๔๘-๒๕๐๖) นักเขียนผู้มีชื่อเสียงของไทยและเวียดนาม นักเขียนทั้งสองมีชีวิตและสร้างสรรค์ผลงานเขียนในช่วงเวลาไล่เลี่ยกัน นอกจากเป็นผู้มีบทบาทสำคัญต่อพัฒนาการของงานเขียนในยุคต้นของวรรณกรรมไทยและเวียดนามแล้ว แนวคิดทางการเมืองและสังคมของพวกเขายังมีอิทธิพลต่อนักเขียนและคนรุ่นหลังอีกด้วย ผู้เขียนหวังว่าการเปรียบเทียบผลงานและแนวคิดของ “ศรีบูรพา” และ “เญิ้ตลิญห์” นี้จะช่วยให้เราเข้าใจพัฒนาการของวรรณกรรมสมัยใหม่ของไทยและเวียดนาม รวมไปถึงบทบาทของนักเขียนและปัญญาชนรุ่นใหม่ในสังคมที่กำลังเข้าสู่ยุคสมัยใหม่ ทั้งนี้เพราะในการศึกษาเปรียบเทียบวรรณกรรมนั้นไม่เพียงศึกษาตัวบทวรรณกรรมสองชิ้นเท่านั้น แต่ยังครอบคลุมไปถึงการศึกษาและวิเคราะห์บริบทแวดล้อมของงานวรรณกรรมชิ้นนั้นๆ ด้วย ดังเช่นที่นักศึกษาวรรณกรรมชาวตะวันตกผู้หนึ่งได้กล่าวไว้ Literature as a distinct and integral of thought, a common institutional expression of humanity; differentiated, to be sure, by the social conditions of the individual, by racial,…

“ศรีบูรพา” สามัญชนและสุภาพบุรุษผู้ยิ่งใหญ่ ในสายตาข้าพเจ้าผู้เป็นนักเรียนเทพศิรินทร์เช่นกัน

By Admin

จิรกิตติ์ สุนทรลาภยศ …ฉันตายโดยปราศจากคนที่รักฉัน แต่ฉันก็อิ่มใจว่า ฉันมีคนที่ฉันรัก… ประโยคอมตะจากนวนิยายชื่อดัง ข้างหลังภาพ ที่เคยได้รับการสร้างเป็นภาพยนตร์ มาแล้วหลายต่อหลายครั้ง ยังคงปรากฏให้ผมนึกถึงยามที่กล่าวถึงนามกวีผู้ยิ่งใหญ่ผู้นี้ “ศรีบูรพา” “ศรีบูรพา” หรือ กุหลาบ สายประดิษฐ์ หาได้เป็นเจ้าขุนมูลนายใดๆ ไม่ ท่านเป็น เพียงสามัญชนคนธรรมดาคนหนึ่งเท่านั้น แต่ที่ได้รับการยกย่องเชิดชูเกียรติทั้งจากประชาชนคนไทยและได้รับการประกาศให้เป็นบุคคลสำคัญท่านหนึ่งของโลกจาก UNESCO (องค์การศึกษาวิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ) แสดงให้ประจักษ์ว่า ในความธรรมดานี้กลับมีความยิ่งใหญ่และทรงพลังทางความคิดและความสามารถอย่างน่าอัศจรรย์ มีคำโบราณกล่าวไว้ว่า สำเนียงส่อภาษา กิริยาส่อสกุล หมายถึงสิ่งใดที่แสดงออกมาย่อมแสดงถึงตัวตนของบุคคลนั้น ซึ่งเมื่อเปรียบเทียบกับชีวิตของ “ศรีบูรพา” ก็เห็นจะจริงอยู่ไม่น้อย เพราะงานเขียนอันมากมายนั้น นอกจากจะแสดงถึงจุดยืนทางความคิดที่อิสระและเป็นตัวของตัวเองแล้ว ยังแสดงถึงคุณธรรมหรือความดีงามของท่านอีกด้วย เอกลักษณ์เฉพาะตัวของท่าน “ศรีบูรพา” ที่ผมรู้สึกประทับใจเป็นอย่างมาก อาจจะด้วยความที่เราต่างเป็นนักเรียนเทพศิรินทร์ด้วยกัน ซึ่งมีคติธรรมประจำใจคือ “ไม่ควรเป็นคนรกโลก” ที่ได้สอนให้นักเรียนเทพศิรินทร์ประพฤติตนให้เป็นประโยชน์นั้น เมื่อผมหวนนึกถึงท่าน ผมจะประทับใจและภาคภูมิใจว่าท่านเป็น “รุ่นพี่” ที่ประพฤติตนเป็นแบบอย่างที่ดี เพราะท่านมีความเสียสละ เห็นแก่ประโยชน์ส่วนรวมเป็นหลัก ทำทุกสิ่งที่เป็นสิ่งที่ถูกต้องเพื่อเรียกร้องผลประโยชน์ให้แก่เพื่อนมนุษย์ผู้ถูกเอาเปรียบ โดยไม่คำนึงถึงผลที่อาจเกิดขึ้นกับตนเองเลย เปรียบดังนักต่อสู้ของประชาชนที่หาได้ยากยิ่งในปัจจุบัน ซึ่งลักษณะดังกล่าวนี้มีแทรกอยู่ในแทบทุกงานเขียนของท่าน เช่นในนวนิยาย จนกว่าเราจะพบกันอีก ที่ว่า …ฉันจะอยู่ไปทำไมถ้าฉันไม่เป็นประโยชน์แก่ใครเลย…